การโจมตีประเภท Man-in-the-Middle
การโจมตีประเภท Man-in-the-Middle
การโจมตีประเภท Man-in-the-Middle
คำอธิบายของปัญหา
Man-in-the-Middle (MITM) เป็นการโจมตีที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ไม่หวังดีสามารถแทรกตัวเข้ามาอยู่ระหว่างการสื่อสารของสองฝ่าย โดยทำให้เข้าใจว่าเขาคือฝ่ายตรงข้าม แต่จริงๆ แล้วเขาควบคุมการสื่อสารได้
วิธีการโจมตี
-
การรับรองตัวตน: ผู้โจมตีใช้เทคนิคเช่น ARP Poisoning หรือ DNS Spoofing เพื่อหลอกเครื่องผู้ใช้ว่าเขาคือเกตเวย์หรือเซิร์ฟเวอร์ต้นทาง จากนั้นส่งข้อมูลต่อไปยังปลายทางจริง
-
การถ่ายทอดข้อมูล: ผู้โจมตีสามารถอ่านหรือแก้ไขข้อมูลที่ถูกส่งระหว่างสองฝ่าย โดยทำให้ฝ่ายต้นทางและปลายทางเชื่อว่าการสื่อสารเป็นความลับ
-
การเข้าถึงข้อมูล: ผู้โจมตีอาจสร้างการเชื่อมต่อตรงกับทั้งสองฝ่าย และนำข้อมูลมาเก็บรวบรวมไว้เพื่อใช้ในการโจมตีหรือการสอบถามข้อมูลต่อไป
วิธีป้องกัน
-
ใช้การเข้ารหัสข้อมูล: การใช้โปรโตคอลที่เข้ารหัสข้อมูล เช่น HTTPS หรือ VPN จะช่วยป้องกันการอ่านหรือแก้ไขข้อมูล
-
ตรวจสอบรับรองตัวตน: การใช้ Certificate Pinning หรือการตรวจสอบรับรองตัวตนอย่างเคร่งครัดจะช่วยป้องกันการโจมตีในรูปแบบนี้
-
ควบคุมเครือข่าย: การป้องกันการโจมตี MITM ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการควบคุมเครือข่าย เช่น การเฝ้าตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ถูกต้องใน ARP Cache
-
การอัปเดตซอฟต์แวร์: การอัปเดตระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชันที่ใช้ เพื่อปิดโอกาสที่อาจเป็นช่องโหว่ที่ถูกใช้ในการโจมตี
สรุป
การโจมตีประเภท Man-in-the-Middle เกิดขึ้นเมื่อผู้ไม่หวังดีหลอกลวงและควบคุมการสื่อสารระหว่างสองฝ่าย การใช้การเข้ารหัสข้อมูล ตรวจสอบรับรองตัวตน ควบคุมเครือข่าย และการอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการป้องกันปัญหานี้